กรรมวิธีการขึ้นรูปโลหะแบ่งออกได้เป็น
1. การขึ้นรูปแบบร้อน ( Hot Working )
การ ขึ้นรูปแบบร้อน (Hot Working) หมายถึง ขบวนการที่ทำให้โลหะหรือวัสดุได้รับแรงในทางกล (Mechanical Working) ที่อุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิในการเกิดผลึกใหม่ (Recrystallization) แต่จะต่ำหรือน้อยกว่าอุณหภูมิในการทำให้เกิดการหลอม (Melting Point) ของโลหะหรือวัสดุนั้น ๆ ดังตัวอย่างเช่น การตีเหล็ก (Forging) การรีดแบบร้อน (Hot Rolling) เป็นต้น
ขบวนการขึ้นรูปแบบร้อน ประกอบไปด้วย
- การตีขึ้นรูป (Forging)
- การรีดร้อน (Hot Rolling)
- การดึงและกดขึ้นรูป (Drawing & Cupping)
- การเชื่อมต่อท่อ (Pipe Welding)
- การแทงขึ้นรูป (Piercing)
- การเคลื่อนไหลขึ้นรูป (Extruding)
- การหมุนขึ้นรูป (Spinning)
ข้อดีของขบวนการขึ้นรูปแบบร้อน
- สารมลทิน (Impurity) จะแตกตัวกระจัดกระจาย
- กำจัดรูพรุน (Porosity) ได้ดียิ่งขึ้น
- ปรับปรุงคุณสมบัติทางกล อาทิเช่น Strength’ Formability’ Rigidity’ Toughness และ Durability
- เกรนที่ยาว (Elongated Grain), เกรนที่หยาบ (Course Grain) จะมีความละเอียดของเกรนมากขึ้น
- การแทงขึ้นรูป (Piercing)
- การเคลื่อนไหลขึ้นรูป (Extruding)
- การหมุนขึ้นรูป (Spinning)
ข้อเสียของขบวนการขึ้นรูปแบบร้อน
- เกิดออกไซด์ที่บริเวณผิวชิ้นงาน
- เกิดสะเก็ดกับผิวชิ้นงานจนทำให้ได้ผิวออกมาไม่สวย
- ไม่สามารถควบคุมขนาดของชิ้นงานได้ สาเหตุอันเนื่องมาจากการขยายตัวและการหดตัวของโลหะเมื่อ
ได้รับความร้อน